สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บริษัทแอปเปิล (Apple) ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี กำลังล้มเลิกความพยายามที่ทำมานานนับทศวรรษในการสร้างรถยนต์ไฟฟ้า และมีการประกาศยกเลิกโครงการที่ทะเยอทะยานที่สุดโครงการหนึ่งในประวัติศาสตร์ของบริษัท
แหล่งข่าวที่ไม่ขอเปิดเผยตัวตนระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวได้รับการเปิดเผยเป็นการภายในบริษัทเมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา และสร้างความประหลาดใจให้กับพนักงานเกือบ 2,000 คนที่ทำงานในโครงการนี้
PlayStation จ่อปลดพนักงาน 8% ทั่วโลก และปิดลอนดอนสตูดิโอ
ญี่ปุ่นเด็กเกิดใหม่ต่ำทุบสถิติ ประชากรลดฮวบต่อเนื่อง
อิสราเอลเชื่อ ฮามาสอาจก่อเหตุใหญ่อีกรอบในเดือนรอมฎอน
แหล่งข่าวบอกว่า ผู้ที่ประกาศการตัดสินใจดังกล่าวคือ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ เจฟฟ์ วิลเลียมส์ และเควิน ลินช์ รองประธานที่รับผิดชอบโครงการรถยนต์ไฟฟ้าของแอปเปิล
ผู้บริหารทั้งสองบอกกับพนักงานว่า โครงการโปรเจกต์พิเศษ (Special Projects Group; SPG) นี้จะเริ่มปิดตัวลง และพนักงานจำนวนมากจะถูกย้ายไปแผนกปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ภายใต้การบริหารของ จอห์น จีอันนันเดรีย แทน ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่โครงการพัฒนาเอไอ อันจะมีความสำคัญมากขึ้นสำหรับบริษัท
ทีมงานพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของแอปเปิลยังมีวิศวกรฮาร์ดแวร์และนักออกแบบยานพาหนะหลายร้อยคน ซึ่งบางคนอาจสามารถไปสมัครงานในทีมอื่นของแอปเปิลได้ แต่บางคนอาจถูกเลิกจ้าง โดยยังไม่ชัดเจนว่ามีกี่คน
การเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นของแอปเปิลพุ่งขึ้นเมื่อวันที่ 27 ก.พ. โดยเมื่อตลาดปิดมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นมาประมาณ 1% อยู่ที่ 182.63 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6,555 บาท) ต่อหุ้น
สำหรับโครงการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของแอปเปิลเคยมีรายงานว่าชื่อว่า โปรเจกต์ไททัน (Project Titan) เป็นความพยายามมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ซึ่งจะทำให้แอปเปิลก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่โดยสิ้นเชิง
ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีรายนี้เริ่มพัฒนารถยนต์ประมาณปี 2014 โดยมุ่งเป้าไปที่รถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบที่มีการตกแต่งภายในเหมือนรถลีมูซีนและระบบนำทางด้วยเสียง
แต่โปรเจ็กต์นี้ประสบปัญหาเกือบตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น โดยที่แอปเปิลเปลี่ยนหัวหน้าทีมและกลยุทธ์ของทีมหลายครั้ง อย่างวิลเลียมส์และลินช์เองก็เพิ่งเข้ามารับผิดชอบงานนี้เมื่อไม่กี่ปีก่อน หลังจากการจากไปของ ดั๊ก ฟิลด์ ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้บริหารอาวุโสของฟอร์ด (Ford Motor)
แอปเปิลยังใช้เวลาหลายปีในการผลิตรถยนต์และการออกแบบต่าง ๆ โดยนอกเหนือจากรูปลักษณ์ของยานพาหนะแล้ว เทคโนโลยีการขับขี่ด้วยตนเองยังเป็นความท้าทายที่สำคัญ
ไม่เพียงเท่านั้น แอปเปิลกำลังเผชิญกับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่เริ่มส่งสัญญาณอิ่มตัว จากการเติบโตของยอดขายที่ลดลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากที่ราคาสูงและการขาดโครงสร้างพื้นฐานในการชาร์จไฟทำให้ผู้ใช้รถยนต์สันดาปท้อใจที่จะเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า
แม้แต่ผู้เล่นคนอื่นในตลาด เช่น เจเนอรัลมอเตอร์ส และฟอร์ด ต่างก็กำลังมุ่งไปสู่การผลิตรถยนต์ไฮบริดมากขึ้น หลังจากเผชิญกับความต้องการรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ขาดความสดใสและปัญหาคอขวดในการผลิต
แม้แต่เทสลา (Tesla) ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ ก็ยังเตือนว่า อัตราการขยายตัวจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดในปีนี้
จนถึงตอนนี้ การผลักดันที่ใหญ่ที่สุดของแอปเปิลในอุตสาหกรรมยานยนต์คือซอฟต์แวร์ “CarPlay” ซึ่งช่วยให้ผู้ขับรถสามารถเข้าถึงคุณสมบัติของไอโฟน เช่นแผนที่และ Siri ผ่านบนรถยนต์ได้ และอาจผสานรวมเข้ากับระบบควบคุมรถยนต์และระบบความบันเทิงได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ด้วยการไม่แข่งขันกับผู้ผลิตรถยนต์ แอปเปิลจึงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพซอฟต์แวร์ดังกล่าวได้ และใช้วิธีการกระจายซอฟต์แวร์ของคนไปยังรถยนต์รุ่นต่าง ๆ ซึ่งอาจสร้างรายได้ได้มากกว่าการผลิตรถยนต์เอง
นักวิเคราะห์ของ Bloomberg Intelligence ระบุว่า ท้ายที่สุดแล้ว การมุ่งเน้นไปที่เอไออาจเป็นทางออกที่ดีกว่าสำหรับแอปเปิล “การตัดสินใจของแอปเปิลที่จะละทิ้งรถยนต์ไฟฟ้าและเปลี่ยนทรัพยากรไปสู่การพัฒนาเอไอถือเป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่ดี เราเชื่อว่า เมื่อพิจารณาถึงศักยภาพในการทำกำไรในระยะยาว เอไอน่าจะเป้นแหล่งรายได้ที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับรถยนต์”
เรียบเรียงจาก Bloomberg
ผลบอลเอฟเอ คัพ รอบ 5 แมนซิตี้ ถล่ม ลูตัน 6-2 ลิ่วรอบ 8 ทีม คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ผลจับสลากเอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีม ลิเวอร์พูล ดวล แมนยู ศึกแดงเดือด
หลังฉากชีวิต "บิ๊กโจ๊ก" ตายแล้วฟื้น เส้นใหญ่จริงไหม ?